อิปซอสส์ เผย “ความกังวลสูงสุดของคนไทย” ครึ่งปีหลัง 2568
โดยปัญหาเชิงโครงสร้างด้านการเงิน/การเมือง/
คอร์รัปชันกลับขึ้นมาครองตำแหน่งความกังวลสูงสุด
คนไทยรัดเข็มขัด เตรียมรับมือปี 2569 ลดค่าใช้จ่ายเกือบทุกประเภท ไม่มั่นใจถึงความมั่นคงในหน้าที่การงาน ภูมิทัศน์การใช้ชีวิต 50 ปีก่อน (2518) ของคน 4 เจน: เกือบ 4 ใน 10 ของคนไทยอยากกลับไปเกิดในปี 2518 มากกว่าปัจจุบัน 2568 โดยมองว่าความปลอดภัยและความเรียบง่ายในอดีตดีกว่าปัจจุบัน
ณ เอ็มไพร์ทาวเวอร์ ห้องประชุม บริษัท อิปซอสส์ จำกัด (Ipsos Ltd.) ผู้นำระดับโลกด้านการวิจัยตลาดและสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภค นำโดย นางสาวพิมพ์ทัย สุวรรณศุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ นำเสนอผลงานวิจัยชุด “What Worries Thailand? H2 2025” (ความกังวลของคนไทยในครึ่งปีหลัง 2568) ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของประเด็นที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการครองชีพ โดยในครึ่งหลังของปี 2568 "ความขัดแย้งทางการทหารระหว่างประเทศ" เคยพุ่งขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของความกังวลสูงสุดในเดือนสิงหาคม แต่ล่าสุดความกังวลเชิงโครงสร้างที่เป็นปัญหาหลักมายาวนาน เช่น ปัญหาด้านการเงิน การเมือง และคอร์รัปชัน ได้กลับขึ้นมาครองอันดับความกังวลสูงสุดอีกครั้ง
นางสาวพิมพ์ทัย กล่าวว่า “ผลสำรวจชุดนี้เป็นการศึกษาประเด็นความกังวลของประชาชนคนไทยอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2565 ข้อมูลในรอบนี้เผยให้เห็นว่าประชาชนคนไทยมีความกังวลต่อ ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยืดเยื้อ เช่น การทุจริตคอร์รัปชัน และความเหลื่อมล้ำทางสังคมกลับมาสูงขึ้น สะท้อนถึงความคาดหวังของสาธารณชนต่อความโปร่งใสในระบบ และความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาความเปราะบางภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของอาชญากรรม และภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน ทำให้ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังในการใช้จ่าย โดยความกังวลในเรื่องของความขัดแย้งทางการทหารระหว่างประเทศที่พุ่งสูงขึ้นในเดือนสิงหาคม ได้ลดลงเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย”
• การทุจริตทางการเงินและการเมือง (Financial/Political Corruption) ครองอันดับสูงสุดที่ 49% ของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง
• ความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางสังคม (Poverty & Social Inequality) ยังคงเป็นความกังวลหลักที่ 36%
• ความขัดแย้งทางทหารระหว่างประเทศ (Military Conflict Between Nations) ลดลงมาอยู่ที่ 29% แต่ยังคงอยู่ใน 5 อันดับแรกอย่างต่อเนื่อง
• อาชญากรรมและความรุนแรง (Crime & Violence) กลับมาอยู่ในสี่อันดับแรกที่ 27% โดยมีการเพิ่มขึ้นถึง 6 จุดเปอร์เซ็นต์ จากเดือนก่อนหน้า
• ภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) คิดเป็น 25%
เป็นที่น่าสังเกตว่าเรื่องของอาชญากรรม และความรุนแรงกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง แซงหน้าภาวะเงินเฟ้อ สอดคล้องกับเรื่องของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับผู้คนจำนวนมาก
ผลสำรวจยังเผยว่า ร้อยละ 77 ของคนไทยรู้สึกว่าโลกอันตรายมากขึ้นช่วงในปีที่ผ่านมา โดยเกือบ 9 ใน 10 (88%) รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามจากการถูกแฮ็กเพื่อวัตถุประสงค์ในการฉ้อโกงหรือการจารกรรม ซึ่งจัดอยู่ในอันดับ 1 ของโลก 87% รู้สึกถึงภัยคุกคามจากการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนโดยเจตนา ซึ่งจัดอยู่ในอันดับ 1 ของโลก เช่นกัน และ 76% กังวลเรื่องการถูกละเมิดความปลอดภัยส่วนบุคคล
มุมมองทางเศรษฐกิจ: คนไทยเชื่อว่าเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะถดถอย ผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย ความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางการเงินส่วนบุคคลยังคงมีความซับซ้อนและเปราะบาง
ร้อยละ 76 ของคนไทยเชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ใน “ภาวะถดถอย” (เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว) แม้ว่า 58% ของคนไทยมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันยังคงย่ำแย่ แต่ตัวเลขนี้ลดลงถึง 10 จุด จากเดือนมิถุนายน 2568 ซึ่งบ่งชี้ถึงสัญญาณของการลดลงของความรู้สึกเชิงลบ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความชัดเจนมากขึ้น
คนไทยยังคงลังเลในการซื้อของชิ้นใหญ่ เช่น บ้าน รถยนต์ หรือแม้แต่การซื้อของใช้ทั่วไปในครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสำรวจ 57% เชื่อว่าภาวะเงินเฟ้อจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งปี หรือไม่มีวัน กลับสู่ระดับปกติ ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยและการวางแผนทางการเงินในอนาคต โดย 52% รู้สึกไม่มั่นใจที่จะซื้อสินค้าราคาสูง เช่น บ้าน รถยนต์ (เพิ่มขึ้น 4% จากปีที่ผ่านมา) และ 40% รู้สึกไม่สบายใจในการซื้อของใช้ในครัวเรือนอื่นๆ (เพิ่มขึ้น 2% จากปีที่ผ่านมา)
คนไทยรัดเข็มขัด เตรียมรับมือปี 2569 ลดค่าใช้จ่ายเกือบทุกประเภท ไม่มั่นใจถึงความมั่นคงในหน้าที่การงาน
ในส่วนของค่าใช้จ่ายครัวเรือนของคุณในอีกหกเดือนข้างหน้า สำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละประเภทต่อไปนี้ คาดหวังว่าค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น ลดลง หรือคงเดิมเหมือนในปัจจุบัน โดยม % ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น-ลดลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (2567)
57% ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าแก๊ส ค่าไฟฟ้า เป็นต้น (-12 pp เมือเทียบกับปี 2567) 56% ค่าใช้จ่าย-ซื้ออาหาร (-10 pp) 55% ค่าเชื้อเพลิงรถยนต์ เช่น น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน/น้ำมันเบนซิน เป็นต้น (-11 pp) 51% ค่าซื้อของใช้ในครัวเรือนอื่นๆ (-11 pp) 35% ค่าใช้จ่ายในการออกสังคม-สังสรรค์ (-9 pp) 30% ค่าจำนอง/ค่าเช่าบ้าน (-8 pp) 29% ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการสมัครสมาชิก (Netflix, ค่าสมาชิกฟิตเนส เป็นต้น (-5 pp)
นอกจากนี้ คนไทยกว่า 4 ใน 10 (41%) มีความมั่นใจน้อยลงเกี่ยวกับความมั่นคงในงานของตนเอง ครอบครัว และบุคคลใกล้ชิด และเกือบครึ่ง (48%) มีความมั่นใจน้อยลงเกี่ยวกับความสามารถในการลงทุนเพื่ออนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเกษียณอายุหรือเพื่อการศึกษาของบุตรหลาน
คนไทยส่วนใหญ่อยากกลับไปเกิดใน 50 ปีก่อน 2518 มากกว่ามีชีวิตในปัจจุบัน โดยเชื่อว่ามีความสุขมากกว่าในปัจจุบัน
ผลสำรวจจาก Ipsos: Is Life Getting Better? 1975 vs 2025 พบว่าคนไทยจำนวนมากมองว่าช่วงเวลาในอดีตดีกว่าปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนผ่านตัวเลข 38% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าพวกเขาอยากกลับไปเกิดในปี 2518 (1975) มากกว่าปี 2568 (2025) และ 58% ของคนไทยเชื่อว่าผู้คนเมื่อ 50 ปีก่อน มีความสุขมากกว่า ในปัจจุบัน ขณะที่มีเพียง 18% เท่านั้นที่คิดว่าปี 2568 (2025) มีความสุขมากกว่า และอีก 13% มองว่าความสุข "ใกล้เคียงกัน"
มุมมองนี้ปรากฏชัดเจนในทุกช่วงวัย โดยผู้ตอบแบบสอบถามทุกเจเนอเรชันส่วนใหญ่เลือกที่จะเกิดในอดีต (ปี 2518) มากกว่าปัจจุบัน (ปี 2568) ดังนี้ Gen Z: 34% vs 26% Millennials: 39% vs 26% Gen X : 55% vs 20% และ Baby Boomers: 54% vs 6%
หากเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตระหว่างปี 2518 และ 2568 พบว่า อดีตถูกมองว่าดีกว่าในด้าน คุณภาพสิ่งแวดล้อม (64%), ความสุขของผู้คน (58%) และ ความรู้สึกปลอดภัยบนท้องถนน (52%) ในทางตรงกันข้าม ปี 2568 ถูกมองว่าดีกว่าอย่างชัดเจนในด้าน คุณภาพของระบบบริการสุขภาพ (82%), คุณภาพการศึกษา (67%) และ มาตรฐานการครองชีพของผู้คน (45%) ความแตกต่างนี้แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในความก้าวหน้าทางวัตถุและบริการพื้นฐานของยุคปัจจุบัน แต่ยังมีความปรารถนาคุณค่าทางสังคมและความมั่นคงทางใจในอดีต
การคาดการณ์อนาคต จาก อิปซอสส์ สำหรับปี 2569
อิปซอสสรุปว่า แม้แนวโน้มความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้นเล็กน้อย แต่คนไทยยังเชื่อว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอยและระมัดระวังการใช้จ่าย เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคในภูมิทัศน์ที่หลากหลายของปัจจุบัน ธุรกิจต้องหาความสมดุลเชิงกลยุทธ์ แบรนด์ที่สามารถผสานรวมคุณค่าดั้งเดิม เข้ากับการนำความก้าวหน้าใหม่ๆ มาใช้ จะช่วยให้เข้าถึงและสร้างความผูกพันกับผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างแท้จริงและมีประสิทธิภาพสูงสุด
57% ของคนไทยบอกว่าปี 2025 เป็นปีที่ไม่ดีสำหรับตนเองและครอบครัว ซึ่งลดลง 2 จุดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่ 74% คิดว่าปี 2025 เป็นปีที่ไม่ดีสำหรับประเทศไทย เพิ่มขึ้น 9 จุด จากปีที่แล้ว ทั้งนี้ ผลการวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า ผู้คนมีการวางแผนในการรับมือกับความไม่มันใจในสถานการณ์ของปีใหม่ที่จะมาถึง ในด้านต่างๆ ดังนี้
85% จะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนมากขึ้น 82% ออกกำลังกายมากกว่าปีที่แล้ว 82% ใช้เวลาในการดูแลตัวเองมากขึ้น 35% ใช้โซเชียลมีเดียให้น้อยลง 67% ดูฟุตบอลโลก
คนไทยส่วนใหญ่บอกว่าปี 2568 เป็นปีที่ “แย่” สำหรับตัวเอง ครอบครัว และประเทศ สังคมไทยโหยหาอดีตที่ “มีความสุขกว่า”
โดยรวมแล้ว คนไทยร้อยละ 57 บอกว่าปี 2568 เป็นปีที่แย่สำหรับตนเองและครอบครัว และอีกร้อยละ 74 บอกว่าปีที่กำลังจะจบนี้เป็นปีที่แย่สำหรับประเทศไทย เพิ่มขึ้นถึง 9% จากปีก่อน โดยหากย้อนกลับไปรายงานชุดเดือนมิถุนายน พบว่า คนไทยกว่าครึ่ง หรือ กว่า 56% เห็นว่าประเทศกำลังเดินผิดทาง โดยปัจจุบันสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ถึงแม้จะไม่เป็นไปในทางบวกเท่ากับช่วงปลายปีที่ผ่านมาก็ตาม
ข้อมูลเกี่ยวกับผลสำรวจ รายงาน “What Worries Thailand? H2 2025” เป็นการรวบรวมข้อมูลจากผลสำรวจออนไลน์โดย Ipsos Global Advisor ที่ครอบคลุมในหลายประเทศทั่วโลก จำนวน 5 ชุด ซึ่งทำการศึกษาระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม ถึง 7 พฤศจิกายน 2568: What Worries the World (พฤศจิกายน 2568), Ipsos Cost of Living Monitor 2025, Ipsos World Affairs Report 2025, Is Life Getting Better? 1975 vs 2025 และ Ipsos Predictions 2026
ข้อมูลสำหรับประเทศไทย อ้างอิงจากกลุ่มตัวอย่างประมาณ 500 คนต่อการสำรวจ มีอายุระหว่าง 20-74 ปี ซึ่งทำการสำรวจผ่านระบบ Ipsos Online Panel โดยการสำรวจในแต่ละชุดเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาขนาดใหญ่ที่ครอบคลุม 29-30 ประเทศทั่วโลก













0 Comments