ครั้งแรกใจกลางกรุงเทพฯ เดินหน้ากลยุทธ์
Experience Marketing แบบ O2O
ผ่านแนวคิด This is My New Thai
นายชุติพนธ์ กิตติเกษมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิงส์สเตลล่า กรุ๊ป จำกัด (King’s Stella Group) กล่าวว่า “ช่วงปลายปีที่ผ่านมา King’s Stella ได้เปิดตัวสินค้าเจลปรับอากาศ “King’s Stella Feel the Bloom” ที่ Collaboration กับ “give.me.museums” ผลงานของ “ออย – คนธรัตน์ เตชะไตรศร” ไทยอาร์ททิสต์แนวอิมเพรสชันนิสม์ชื่อดัง ซึ่งเป็นครั้งแรกของแบรนด์ที่คอลแลปกับศิลปินที่ได้รับความนิยมเพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ และยกระดับภาพลักษณ์ของ King’s Stella ให้ทันสมัย ตอบโจทย์ผู้บริโภค Gen Z และ Millennials สร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ King's Stella ใกล้ชิดกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น ตลอดจนการถ่ายทอดแนวคิด This is My New Thai ตีความความเป็นไทยในมิติใหม่ ๆ ที่ร่วมสมัยและส่งต่อสู่ผู้บริโภคทั่วโลกผ่านฝีมือของไทยอาร์ททิสต์ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก ทำให้เกิดการพัฒนาต่อยอดจนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ “King’s Stella Feel the Bloom Reed Diffuser” และ “King’s Stella Feel the Bloom Room Spray” ภายใต้คอลเลกชัน “King’s Stella Feel the Bloom” โดยจัดงานเปิดตัวขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “Your Scent, Your Identity” ณ ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์”
ภายในงานใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงประสบการณ์ (Brand Experience) ที่ทำให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมผ่านกิจกรรม Immersive ต่าง ๆ และได้ค้นหากลิ่นที่เป็นตัวของตัวเอง ผ่านกลิ่นหอมของทุ่งดอกไม้ 4 สไตล์ที่แบ่งออกเป็น 4 โซน สะท้อนอารมณ์ในแต่ละช่วงของวัน ได้แก่
● Blooming Sphere ทุ่งดอกไม้ยามเช้า รับแสงแดดอบอุ่น อ่อนโยน สมกับเป็นเช้าวันใหม่ที่ดี
● Tropical Sunrise ทุ่งดอกไม้เขตร้อน สดใส เหมือนได้ชาร์จพลังไปกับสีสันของฤดูร้อน
● Lush Around ทุ่งหญ้าสีเขียวแซมด้วยดอกไม้จิ๋ว มีลมพัดอ่อน ๆ ทำให้สดชื่นระหว่างวัน
● Calm Time ทุ่งดอกไม้ริมทะเล ท้องฟ้าโปร่ง มีกลิ่นเย็น ๆ ทำให้รู้สึกสงบ และผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้า
“สำหรับ King’s Stella นี่คือทิศทางใหม่ที่มุ่งสร้างเครือข่ายของประสบการณ์ร่วมกัน (Experience Ecosystem) เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกถึงตัวตนของแบรนด์ผ่านทุกสัมผัสของสินค้า โดยแบรนด์ได้ใช้ข้อมูล Insight ของผู้บริโภคและวิเคราะห์ Data ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพพบว่า ผู้บริโภคต้องการกลิ่นหอมที่ละเอียด นุ่มนวล และยาวนาน ความปลอดภัยและการใช้งานง่ายในทุกพื้นที่ของบ้านเป็นปัจจัยสำคัญ จากข้อมูลเหล่านี้ จึงได้ออกแบบสินค้าให้ตอบโจทย์เหล่านี้
นอกจากนี้ อีเวนต์ดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการสื่อสารกับผู้บริโภครุ่นใหม่ ของ King’s Stella ที่เชื่อมต่อโลกออนไลน์กับออฟไลน์ (O2O Marketing) ดึงดูดลูกค้าจากช่องทางดิจิทัลไปสู่การซื้อจริงที่หน้าร้านหรือกิจกรรม เพื่อสร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อ ในครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่คือจุดเริ่มต้นของการปรับกลยุทธ์ครั้งสำคัญของคิงส์สเตลล่า ที่เปลี่ยนการขายสินค้าธรรมดาให้กลายเป็นการสร้างประสบการณ์” นายชุติพนธ์ กล่าวเพิ่มเติม
####
บรรยายภาพ
ผู้บริหาร บริษัท คิงส์สเตลล่า กรุ๊ป จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับไทยอาร์ททิสต์ และศิลปินที่มาร่วมงาน
จากซ้าย เจมีไนน์-นรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์, นายชุติพนธ์ กิตติเกษมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, นายชนะพันธุ์ กิตติเกษมศักดิ์ ประธานกรรมการ, นางวิลาสินี กิตติเกษมศักดิ์ รองประธานกรรมการ, นางสาวธนพรพันธ์ กิตติเกษมศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างแบรนด์, นางสาวคนธรัตน์ เตชะไตรศร เจ้าของผลงาน give.me.museums และ โฟร์ท-ณัฐวรรธน์ จิโรชน์ธิกุล
นายชุติพนธ์ กิตติเกษมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิงส์สเตลล่า กรุ๊ป จำกัด
นายชุติพนธ์ กิตติเกษมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร - นางสาวธนพรพันธ์ กิตติเกษมศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างแบรนด์ และ “ออย” คนธรัตน์ เตชะไตรศร เจ้าของแบรนด์ give.me.museums
บรรยากาศพูดคุยบนเวที
“ออย” คนธรัตน์ เตชะไตรศร เจ้าของแบรนด์ give.me.museums ไทยอาร์ททิสต์ชื่อดังที่มาร่วม Collaboration
06-09 ผู้บริโภคมีประสบการณ์ร่วมกันกับแบรนด์ด้วยการค้นหากลิ่นที่เป็นของตัวเองผ่าน 4 โซน
10 King’s Stella Feel the Bloom กลิ่น Blooming Sphere
11 King’s Stella Feel the Bloom กลิ่น Tropical Sunrise
12 King’s Stella Feel the Bloom กลิ่น Lush Around
13 King’s Stella Feel the Bloom กลิ่น Calm Time
14 ผลิตภัณฑ์King’s Stella Feel the Bloom
ข้อมูลประกอบ
ปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์ Air Care หรือผลิตภัณฑ์ปรับอากาศในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท (ข้อมูลไตรมาสที่ 2 ปี 2568) และ King’s Stella ครองส่วนแบ่งตลาดราว 8% อยู่ในอันดับที่ 4 ของตลาดรวม ถือเป็นแบรนด์ไทยที่สามารถรักษาความแข็งแกร่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูงและเต็มไปด้วยผู้เล่นระดับโกลบอล ซึ่งหากมองในภาพรวมไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วยังคงมีแนวโน้มโตต่อเนื่อง โดยสิ่งที่แบรนด์ต้องการนำเสนอไม่ใช่แค่สินค้า แต่คือแนวคิด This is My New Thai การตีความความเป็นไทยในมิติใหม่ ๆ ที่ร่วมสมัยและส่งต่อสู่ผู้บริโภคทั่วโลก ดังเช่นข้าวเหนียวมะม่วงกลายเป็น Soft Power บนเวที Coachella โดยน้องมิลลิ หรือ หมูเด้งที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจนการท่องเที่ยวไทยเติบโตถึง 400% สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าโลกพร้อมจะยอมรับการนำเสนอความเป็นไทยในรูปแบบที่แตกต่างไป King’s Stella ต้องการเป็นตัวกลางที่ผลักดันความเป็นไทย ทั้งศิลปินไทย อาหารไทย ลายผ้าไทย และวัฒนธรรมไทย ให้ถูกถ่ายทอดออกไปสู่ระดับสากลผ่านผลิตภัณฑ์คอลเลกชันต่าง ๆ ของแบรนด์ที่วันนี้พร้อมแล้วในการขยายสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อให้ This is My New Thai เติบโตอย่างยั่งยืน
ซึ่งขณะนี้ King’s Stella ได้ขยายตลาดไปยังประเทศในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ผ่านกลยุทธ์ Global Distribution โดยเฉพาะใน เวียดนาม ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค นอกจากนี้ยังขยายไปยังตลาดประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, บรูไน, เมียนมาร์, อินโดนีเซีย, กัมพูชา รวมถึงการส่งออกสู่กลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง (High Income) ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, กาตาร์, โอมาน, คาซัคสถาน, อินเดีย, มัลดีฟส์, ออสเตรเลีย และฮ่องกง โดยสัดส่วนผลิตภัณฑ์ของคิงสเตลล่ามุ่งเน้นไปที่เครื่องหอมปรับอากาศ ไม่ว่าจะเป็นเจลหอม สเปรย์ปรับอากาศ รวมถึงสินค้าใหม่อย่าง Reed Diffuser และในอนาคตมีแผนขยายสู่ผลิตภัณฑ์ประเภท Candle ภายใต้โรดแมปที่ออกแบบให้ครอบคลุมทุกแอปพลิเคชัน ทันสมัย และสอดคล้องกับเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภค
















0 Comments