โรยัล เอ็นฟีลด์ ฉลอง 125 ปี แห่งการขับขี่
อย่างแท้จริง (Pure Motorcycling)
ในงาน EICMA 2025 ด้วยรุ่นรถใหม่ที่น่าจับตามอง
ที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมการขับขี่และนวัตกรรม
ตั้งแต่ปี 1901 โรยัล เอ็นฟีลด์ ได้สร้างสรรค์ ดูแล และสร้างวัฒนธรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ทั่วโลก—ตั้งแต่อินเดีย (เจนไน) ไปจนถึงลอนดอน จากเส้นทางในแอมะซอนไปจนถึงยอดเขาหิมาลัย ที่งาน EICMA ในมิลาน—และต่อเนื่องด้วยงาน Motoverse ในกัว—โรยัล เอ็นฟีลด์ จะเริ่มต้นกิจกรรมเฉลิมฉลองตลอดทั้งปีอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นใหม่ของบริษัท
สิทธัตถะ ลาล ประธานบริหาร บริษัท ไอเคอร์ มอเตอร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน EICMA ว่า “เป็นเวลา 125 ปีแล้ว
ที่โรยัล เอ็นฟีลด์ ยืนหยัดในฐานะสัญลักษณ์ของงานฝีมือ และความสุขที่แท้จริงของการขับขี่รถจักรยานยนต์ เริ่มต้นจากการสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่สวยงาม และพัฒนาไปสู่วัฒนธรรมระดับโลก การแสดงออกถึงความสำเร็จอันน่าทึ่งนี้ไม่เพียงเป็นการมองย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นการมองไปข้างหน้าด้วยความชัดเจนและความเชื่อมั่น ในงาน EICMA ปีนี้
เราจัดแสดงรถรุ่นใหม่ทั้งหมดที่โรยัล เอ็นฟีลด์ ยึดมั่น ตั้งแต่การออกแบบเหนือกาลเวลาไปจนถึงนวัตกรรมที่มุ่งสู่อนาคต ซึ่งจะกำหนดนิยามใหม่ของสิ่งที่เป็นไปได้ในการขับขี่รถจักรยานยนต์ ทั้งรถต้นแบบ Electric Himalayan Testbed และ Flying Flea city+
เป็นตัวอย่างของนวัตกรรม ในขณะที่เรามองไปยัง 125 ปีข้างหน้า ภารกิจของเรายังคงเหมือนเดิม นั่นคือการสร้างรถจักรยานยนต์ที่มีจิตวิญญาณ และทำให้ Pure Motorcycling เข้าถึงได้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ทั่วโลก”
ในงาน EICMA โรยัล เอ็นฟีลด์ ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์ใหม่หลายรุ่น พร้อมนำเสนอภาพรวมของรุ่นและแพลตฟอร์มที่กำลังจะเปิดตัวในไม่ช้า และจัดแสดงรุ่นพิเศษที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ชื่นชอบแบรนด์โรยัล เอ็นฟีลด์
บี. โกวินดาราจัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเชอร์ มอเตอร์ส จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รอยัล เอ็นฟิลด์ กล่าวเสริมว่า “EICMA 2025 เป็นการเฉลิมฉลอง 125 ปีของแบรนด์พอๆ กับเป็นการนำเสนอวิวัฒนาการของรถจักรยานยนต์ การเปิดตัวที่นี่แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราต่อการออกแบบที่เหนือกาลเวลา นวัตกรรมที่มีจุดมุ่งหมาย และจิตวิญญาณของ Pure
Motorcycling สะท้อนจากการเปิดตัว Classic 650 125th Anniversary Special Edition ซึ่งเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างตำนานและนวัตกรรมสมัยใหม่ ในขณะเดียวกัน เราเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของเราด้วย Himalayan Mana Black Edition ที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ และ Bullet 650 ซึ่งเติมสีสันใหม่ให้กับไอคอนที่กำหนดนิยามของคนหลายรุ่น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับอนาคตของรถไฟฟ้าของเรา เรากำลังขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Flying Flea ด้วยรุ่น FF.S6 โดยเตรียมเปิดตัว
ในปี 2026 เมื่อมองไปข้างหน้า เราจะยังคงเผยแพร่ DNA ของโรยัล เอ็นฟีลด์ ต่อไป โดยนำเสนอการผสมผสานระหว่างนวัตกรรม และ Pure Motorcycling ให้กับผู้ขับขี่ทั่วโลก”
สมกับที่เป็นแบรนด์ที่หยั่งรากลึกในวัฒนธรรมการขับขี่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวใหม่นำโดย Royal Enfield Bullet 650 ที่สง่างาม Bullet เป็นเสมือนหัวใจของแบรนด์มาอย่างยาวนาน มีคุณค่าเป็นมรดกตกทอดโดยผู้ขับขี่และผู้ที่ชื่นชอบมาหลายรุ่น ตลอดเก้าทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับปรุงสายพันธุ์ของรถจักรยานยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงผลิตอย่างต่อเนื่อง และในปี 2025 ก็ได้พบกับ Bullet 650 ซึ่งเป็นแบบฉบับของความเท่แบบ Old School
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวรุ่นพิเศษของ Royal Enfield Classic 650 ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่เพื่อรำลึกถึง 125 ปีของรอยัล เอ็นฟิลด์ ในงานนี้ด้วย รุ่นพิเศษนี้ผสมผสานรูปทรงเหนือกาลเวลาของ Classic เข้ากับความงามที่ทันสมัยอย่างโดดเด่น ซึ่งแสดงถึงหลักการของโรยัล เอ็นฟีลด์ ในการสร้างสมดุลระหว่างวัฒนธรรมของการขับขี่และนวัตกรรม
การจัดแสดงรถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์รุ่นใหม่ที่เป็นที่ชื่นชอบของแบรนด์ โรยัล เอ็นฟีลด์ ได้เปิดตัว Himalayan Mana Black edition รุ่น Mana Black edition นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นทาง Mana Pass ที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่าเกรงขาม และเน้นย้ำถึงลักษณะที่สมบุกสมบันและเรียบง่ายของ Himalayan
โรยัล เอ็นฟีลด์ ยังได้เปิดตัวการคอลแลบกับ Shotgun x Rough Crafts ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรถจักรยานยนต์คัสตอมรุ่นเก๋าของทางค่าย ซึ่งเป็นการผสมผสานเอกลักษณ์ของปรัชญาการออกแบบนีโอ-เรโทรที่ทันสมัยของโรยัล เอ็นฟีลด์ และสุนทรียศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Rough Crafts ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองจิตวิญญาณแห่งความเป็นปัจเจกชน งานฝีมือ และความคิดสร้างสรรค์ที่กำหนดนิยามของวัฒนธรรมรถจักรยานยนต์คัสตอม
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์สไตล์ Scrambler ใหม่ของ Flying Flea นั่นคือ FF.S6 ในงาน EICMA FF.S6 สร้างขึ้นเพื่อเน้นการขับขี่แบบแอดเวนเจอร์ที่มีความคล่องตัวในเมือง ด้วยรูปทรงที่พร้อมลุยไปได้ทุกพื้นที่จากการเลือกล้อขนาด 19 นิ้วในด้านหน้าและ 18 นิ้วในด้านหลัง
เกี่ยวกับ Royal Enfield:
Royal Enfield (โรยัล เอ็นฟีลด์) คือแบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1901 จากต้นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ได้ส่งต่อศาสตร์แห่งการสร้างสรรค์มาสู่โรงงานผลิตในเมือง Madras ประเทศอินเดีย ในปี ค.ศ. 1955 ซึ่งนับเป็นฐานการผลิตสำคัญที่ Royal Enfield สร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมรถสองล้อขนาดกลางในประเทศอินเดีย สเน่ห์ของ Royal Enfield คือความมีเอกลักษณ์ที่พร้อมมอบประสบการณ์ที่สนุกสนานในการขับขี่ นับเป็นยานพาหนะที่เหมาะในการสำรวจเปิดโลก และแสดงออกถึงบุคลิกที่มีเอกลักษณ์ของผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นแนวทางที่แบรนด์เรียกว่า Pure Motorcycling
รุ่นรถที่เป็นไฮไลต์ของ Royal Enfield ได้แก่ Bear 650, Classic 350, Guerrilla 450, Hunter 350, Meteor 350, Super Meteor 650, Interceptor 650, Continental GT 650, Shotgun 650, Himalayan Adventure Tourer, Scram 411, Bullet 350 และอีกมากมาย พร้อมกิจกรรมระดับโลก เช่น Motoverse (ชื่อเดิม Rider Mania) ซึ่งเป็นการรวมตัวประจำปีของผู้ที่ชื่นชอบ Royal Enfield หลากหลายพันคน จัดขึ้นที่รัฐโกอา ประเทศอินเดียและ Himalayan Odyssey ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
โรยัล เอ็นฟีลด์เป็นส่วนหนึ่งของ Eicher Motors Limited และมีศูนย์ประกอบ CKD ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย พร้อมด้วยเครือข่ายร้านค้ากว่า 2,000 แห่งในอินเดีย และเกือบ 850 แห่งในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก
Royal Enfield คือหนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ Eicher Motors Limited ดำเนินธุรกิจผ่านเครือข่ายร้านค้ากว่า 2,000 แห่งในอินเดีย และเกือบ 850 แห่งในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ Royal Enfield ยังมีศูนย์ดูแลเชิงเทคนิคระดับโลกสองแห่งในเมือง Bruntingthorpe สหราชอาณาจักร และในเมือง Chennai ประเทศอินเดีย โดยโรงงานผลิตที่ทันสมัยทั้งสองแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ Oragadam และ Vallam Vadagal ใกล้กับเมือง Chennai ประเทศอินเดีย นอกจากนี้ Royal Enfield ยังมีศูนย์ประกอบ CKD ทั่วโลก ได้แก่ เนปาล บราซิล อาร์เจนตินา โคลัมเบีย รวมถึงในประเทศไทย
รายละเอียดเพิ่มเติม
ROYAL ENFIELD BULLET 650 - OLD SCHOOL ตลอดกาล!
นับตั้งแต่ปี 1932 Bullet ได้ยืนหยัดเป็นสัญลักษณ์ของความทนทาน ในปี 2025 ตำนานนี้ยังคงดำเนินต่อไปด้วยเครื่องยนต์ 650cc Parallel Twin ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก พร้อมด้วยพละกำลังที่อัพเกรด เป็นการเขียนนิยามบทใหม่ในตำนานการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
เป็นเวลา 93 ปี ที่ Bullet เป็นตัวแทนของการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่แท้จริง ผูกพันผู้ขับขี่ข้ามรุ่นและทวีปไปตลอดหลายทศวรรษ
ถือกำเนิดในยุคของพิมพ์เขียวที่วาดด้วยมือ แต่ละรุ่นได้สืบทอดเอกลักษณ์ของต้นฉบับไว้ คือ ความเรียบง่าย เส้นสายที่สง่างาม ความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อันยาวนาน เก้าทศวรรษต่อมา Bullet เปิดตัวรูปลักษณ์ใหม่เชื้อสายอังกฤษที่ไร้ที่ติและจิตวิญญาณอินเดียที่ไม่ย่อท้อ
ในปี 2025 Bullet มาพร้อมด้วยเครื่องยนต์ 650cc Parallel Twin มอบการขับขี่ที่แท้จริง ควบคู่ไปกับเฟรมเหล็กกล้าแบบทท่อ ลายพินสไตรป์ที่วาดด้วยมือ ไฟ Tiger Lamps อันเป็นเอกลักษณ์ และตราสัญลักษณ์ปีก 3D ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวินเทจ รวมถึงท่าทางการขับขี่ที่สง่างาม จุดเด่นทั้งหมดที่ทำให้รถจักรยานยนต์คันนี้เป็นไอคอนสำหรับคนหลายรุ่น
Bullet 650 สืบทอด DNA ในตำนานไว้ในทุกรายละเอียด เบาะนั่งยาว (bench seat) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวินเทจ ไฟหน้ารูปทรงกระบอก (nascelle) แบบดั้งเดิม และท่าทางการขับขี่แบบที่สง่างาม อันเป็นเอกลักษณ์ของ Bullet
เครื่องยนต์คู่ของ Bullet 650 มอบพละกำลังที่นุ่มนวลและอัตราเร่งที่เร้าใจ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ที่ผ่อนคลาย ขณะที่กระปุกเกียร์ 6 สปีดและคลัตช์สลิปเปอร์น้ำหนักเบา มีส่วนช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างง่ายดาย ด้วยทุกส่วนโค้งที่ออกแบบมาอย่างสอดคล้องกับเครื่องยนต์ Parallel Twin ที่เป็นหัวใจของมัน ตัวถังที่แข็งแกร่งและท่าทางที่สง่างาม ทำให้รถจักรยานยนต์คันนี้มีรูปลักษณ์ Old School ที่มีความจุเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่แท้จริง
CLASSIC 650 125TH YEAR ANNIVERSARY SPECIAL EDITION: รำลึก 125 ปี โรยัล เอ็นฟีลด์
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง 125 ปีของ Pure Motorcycling — ซึ่งเริ่มต้นด้วยรถจักรยานยนต์ Royal Enfield คันแรกในปี 1901 และครอบคลุมหลายรุ่นและหลายทวีป — โรยัล เอ็นฟีลด์ ได้เปิดตัวรถรุ่นพิเศษที่เป็นสัญลักษณ์ที่สุดนั่นคือ Classic
125 Year Special Edition นี้สร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน รุ่นนี้มีถังน้ำมันทรงหยดน้ำอันเป็นเอกลักษณ์และไฟหน้า nacelle ที่สื่อถึงการออกแบบที่กำหนดนิยามของการขับขี่รถจักรยานยนต์มาเกือบศตวรรษ ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นคอนเซ็ปต์หลักสำหรับการเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่นี้
รุ่นพิเศษนี้ประดับด้วยตราสัญลักษณ์ 125 Years สีทองบนพื้นสีแดงคลาสสิก และใช้การพ่นสีแบบ 'hypershift' การตกแต่งที่น่าทึ่งนี้จะเปลี่ยนไปมาระหว่างสีแดงและสีทอง สีสว่างและสีเข้มอย่างเป็นธรรมชาติ เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์คล้ายลวดลายของกล้องคาไลโดสโคปนี้ เน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมและการเฉลิมฉลอง แสดงออกถึงความนิยมเหนือกาลเวลา เป็นไอคอน และวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องของโรยัล เอ็นฟีลด์
HIMALAYAN MANA BLACK
เวอร์ชันใหม่ที่โดดเด่นของรถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์ยอดนิยม ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิภาค Mana Pass ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางระดับความสูงที่ท้าทายที่สุดในโลก
Himalayan Mana Black Edition ผ่านการออกแบบที่โดดเด่นและกายศาสตร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรด รุ่นนี้หุ้มด้วยสี Stealth Black แบบด้าน ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองว่าทุกเส้นทางคือการผจณภัย ไม่ใช่ความท้าทาย
จุดเด่นของ Mana Black Edition คืออุปกรณ์เสริมจากโรงงาน ผู้ขับขี่สามารถเป็นเจ้าของ Himalayan ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมสำหรับการผจญภัยที่คัดสรรมาโดยเฉพาะอย่างครบถ้วน ได้แก่
การ์ดแฮนด์ Black Rally
เบาะ Black Rally เพื่อการยึดเกาะที่เพิ่มขึ้นและความสะดวกสบายในการเดินทางระยะไกล
บังโคลน Rally ที่ออกแบบมาสำหรับเส้นทางที่สมบุกสมบัน
ล้อซี่ลวดแบบไม่ใช้ยางในที่ให้ความทนทานพร้อมความสะดวกสบายที่ทันสมัย
SHOTGUN 650 X ROUGH CRAFTS DROP
Royal Enfield Shotgun 650 เป็นมากกว่ารถจักรยานยนต์ ด้วยแรงบันดาลใจจากงานคัสตอม ปรัชญาการออกแบบแบบโมดูลาร์
ทำให้เกิดความโดดเด่นสำหรับการปรับแต่ง และเป็นคอยเซ็ปต์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการแสดงออกถึงตัวตน และในวันนี้ โรยัล เอ็นฟีลด์ ได้เปิดตัวรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น นั่นคือ Shotgun 650 x Rough Crafts Drop
Shotgun 650 x Rough Crafts Drop รุ่นใหม่ล่าสุดนี้เป็นการแสดงออกถึงงานคัสตอมเป็นอันดับแรก ซึ่งออกแบบร่วมกับ Rough Crafts สำนักแต่งที่มีชื่อเสียง โดยมาพร้อมกับการออกแบบที่โดดเด่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก "Caliber Royale" มีแถบทองคำเปลวแท้ที่เงาด้วยสีเทาพาดผ่านตัวรถ เน้นการผสมผสานระหว่างสีดำเงา (gloss) Jet Black และสีดำด้าน (matt) Stealth Black
ตราสัญลักษณ์ถังน้ำมันทองเหลืองหล่อมือ และเป็นแบบจำลองโดยตรงของตราสัญลักษณ์บนงานสร้างคัสตอม
รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับรายละเอียดระดับพรีเมียมอื่นๆ รวมถึงเบาะนั่งด้วยหนังควิลท์แท้ที่เข้ากับลวดลายบนงานสร้างคัสตอม และพิเศษเฉพาะสำหรับรุ่นนี้—ท่อโช้คหน้าด้านในสีทองที่รองรับขอบล้ออัลลอยด์ตัดคอนทราสต์และกระจกปลายแฮนด์ ซึ่งยกระดับรูปลักษณ์ระดับพรีเมียมของรถให้สูงขึ้นไปอีก
Shotgun 650 x Rough Crafts Drop มีเพียง 100 คันทั่วโลก พร้อมหมายเลขกำกับเป็นรายบุคคลทั่วอินเดีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และ APAC เหมาะอย่างยิ่งการสะสม รถแต่ละคันจะมาพร้อมกับภาพพิมพ์งานศิลปะลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ไม่ซ้ำใครพร้อมลายเซ็นจาก Rough Crafts สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวางขายรถจักรยานยนต์ลิมิเต็ดอิดิชั่นนี้ได้จาก โรยัล เอ็นฟีลด์
FLYING FLEA SCRAMBLER
สานต่อความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง Flying Flea แบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า city+ จากโรยัล เอ็นฟีลด์ ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์สไตล์ Scrambler รุ่น Flying Flea S6 ที่งาน EICMA 2025 ในวันนี้ FF.S6 ผสมผสานโครงสร้างน้ำหนักเบาและ
การออกแบบที่ประณีตเข้ากับความสามารถแบบออฟโรด ทำให้เป็นยานพาหนะที่ว่องไวและอเนกประสงค์ที่ขยายขอบเขตของการสำรวจในเมือง
Flying Flea ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์และออกแบบมาเพื่ออนาคต โดยได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์แรก คือรุ่น FF.C6 ในงาน EICMA 2024 FF.S6 สไตล์ Scrambler ใหม่นี้ดำเนินตามหลักการเดียวกับรถจักรยานยนต์ Flying Flea ดั้งเดิม ซึ่งถูกสร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์คือถูกทิ้งลงมาจากอากาศโดยร่มชูชีพสำหรับการขับขี่ในทุกสภาพพื้นผิวที่มีน้ำหนักเบา FF.S6 มีรากฐานที่ฝังลึกอยู่ใน DNA ของความเบา ความว่องไว และความสามารถในการปรับตัว
FF.S6 เป็นส่วนต่อขยายที่มีความสำคัญรถรุ่น Flying Flea ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่ยาวนานและนวัตกรรมที่ทันสมัย พร้อมสำหรับการขับขี่บนถนนและการลุยบนเส้นทางวิบาก โดยมอบอิสระให้แก่ผู้ขับขี่พร้อมเส้นทางในสภาพแวดล้อมของเมืองที่หลากหลาย
FF.S6 เป็นรถ city+ ที่มีน้ำหนักเบา สร้างขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการการผจญภัย รถจักรยานยนต์คันนี้ให้ความสมดุลระหว่าง
ความคล่องตัวและความมั่นใจในการขับขี่สำหรับภูมิประเทศที่หลากหลาย ความสามารถแบบ Scrambler ของรถมาจากการเลือกใช้โช้คหน้าแบบ USD เฟืองท้ายโซ่ และการตั้งค่าล้อแบบเยื้องศูนย์ (ล้อหน้า 19 นิ้ว, ล้อหลัง 18 นิ้ว) ประสบการณ์การขับขี่และการควบคุมได้รับการยกระดับด้วยมอเตอร์ EV แรงบิดสูงและเบาะนั่งสไตล์ enduro ที่ยาวและสะดวกสบาย




0 Comments