ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพเยาวชน
ผ่านการลงพื้นที่ติดตามโครงการนำร่องที่จังหวัดอุดรธานี
อุดรธานี บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และยูนิเซฟ สานต่อความมุ่งมั่นในการส่งเสริมศักยภาพของเยาวชนกลุ่มเปราะบางในประเทศไทย ด้วยการลงพื้นที่ติดตามโครงการนำร่องในจังหวัดอุดรธานีที่มุ่งเน้นการนำพาเยาวชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา การจ้างงาน หรือการฝึกอบรม (NEET) กลับเข้าสู่ระบบ โครงการนำร่องดังกล่าวดำเนินงานใน 5 จังหวัดทั่วประเทศ ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงแรงงาน เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนกลุ่ม NEET ได้เรียนรู้ทักษะที่มีคุณค่า มีงานทำ และมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างฐานแรงงานของประเทศไทยให้แข็งแกร่ง
ยูนิเซฟและบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ร่วมกันดำเนินโครงการ “BRIDGE: Educating Young People for Tomorrow Today” ใน 5 ประเทศ ที่มีโรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในประเทศนั้นๆ โดยมีวัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อมอบทักษะสำคัญในวิชา STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) ให้กับเด็กและเยาวชน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับชีวิตการทำงานในอนาคต ภายใต้ความร่วมมือระยะยาวในระดับโลกกับยูนิเซฟดังกล่าวนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จะมีส่วนสนับสนุนเป้าหมายของยูนิเซฟเพื่อให้เด็กและเยาวชนทั่วโลกเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ซึ่งในประเทศไทย โครงการนำร่องนี้เน้นการอบรมด้านสะเต็มศึกษา การเสริมทักษะและสร้างโอกาสให้กับเยาวชนกว่า 1,400 คนใน 5 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ อุดรธานี ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลาภายใต้ระยะเวลา 2 ปี ทั้งนี้ ปัจจุบันยังมีเยาวชนทั่วประเทศประมาณ 1.2 ล้านคนที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม NEET ยูนิเซฟจึงร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลไทยเพื่อขยายผลโครงการนำร่องนี้ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ตลอดจนทิศทางการพัฒนาทุนมนุษย์ของประเทศไทย
นางเซเวอรีน เลโอนาร์ดี รองผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “ความสำเร็จของโครงการนำร่องในการช่วยให้เยาวชน 1,400 คน กลับคืนสู่การศึกษา การอบรม และการทำงานอีกครั้ง ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงพลังแห่งความร่วมมือที่เข้มแข็งและแนวทางที่สร้างสรรค์ ซึ่งช่วยขับเคลื่อนโครงการมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสนับสนุนจากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เราไม่เพียงเปิดโอกาสให้เยาวชนกลุ่มเปราะบางได้เรียนรู้ทักษะและมีงานทำเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างแรงงานในอนาคตของประเทศไทยให้มีความพร้อมมากขึ้น อีกทั้งยังสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาทุนมนุษย์ของประเทศไปพร้อมกัน เรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการขยายผลจากโครงการนี้ให้ครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป”
ระหว่างการลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมชมผลลัพธ์จากโครงการดังกล่าว ณ ตำบลนาพู่ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นโครงการนำร่องแห่งแรก นายเรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังเผยอีกว่า “ความร่วมมือของเรากับยูนิเซฟเริ่มต้นมาจากความเชื่อและมุมมองที่ตรงกันสำหรับอนาคตของประเทศไทย ในฐานะส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์และภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของไทย เราเชื่อว่าการมีแรงงานที่มีทักษะพร้อมสำหรับปัจจุบันและอนาคต เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต และการส่งเสริมศักยภาพของคนในพื้นที่ที่ขาดโอกาสที่จะเติบโตและมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ สามารถช่วยให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น และเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมและประเทศไทยแข็งแรงขึ้นไปพร้อมกัน”
โครงการนำร่องนี้ พัฒนาขึ้นโดยปรับใช้จากโครงการ Reinforced Youth Guarantee ของสหภาพยุโรป ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ การระบุตัวเยาวชนที่เข้าข่าย NEET และบริการสนับสนุนในพื้นที่ การสร้างความไว้วางใจกับเยาวชน NEET และครอบครัว การให้คำปรึกษาและการสนับสนุนที่เหมาะสม และการเชื่อมโยงสู่โอกาสทางการศึกษา การอบรม หรือการทำงาน ทั้งนี้ แนวทางการสนับสนุนเยาวชนภายใต้โครงการนำร่องในพื้นที่ตำบลนาพู่สามารถนำเยาวชนกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา การอบรม หรือการทำงานได้ถึง 92% ส่งผลให้ตำบลนาพู่ได้รับรางวัลชนะเลิศด้านนวัตกรรมการบริหารจากสำนักนายกรัฐมนตรีในปี 2567
ระหว่างการลงพื้นที่ คณะผู้แทนจากยูนิเซฟและบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เข้าสังเกตการณ์หลักสูตรพัฒนาทักษะที่จัดโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ก่อนจะร่วมหารือในประเด็นการสร้างโอกาสและสนับสนุนการเติบโตของเยาวชนกลุ่มเปราะบางที่วิทยาลัยเทคโนโลยีอีสานเหนือ นอกจากนี้ คณะผู้แทนยังได้พบปะพูดคุยเยาวชนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ ณ บริษัท ไทยวัฒน์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เพื่อรับฟังประสบการณ์จากผู้เข้าร่วมโครงการที่ปัจจุบันมีงานทำจากทักษะและความรู้ที่ได้รับมา
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
ด้วย 4 แบรนด์ชั้นนำ บีเอ็มดับเบิลยู มินิ โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในการผลิตยานยนต์และจักรยานยนต์ระดับพรีเมียม พร้อมบริการทางการเงินชั้นเยี่ยม ด้วยเครือข่ายการผลิตที่ครอบคลุมมากกว่า 30 โรงงานทั่วโลก และเครือข่ายการจำหน่ายในกว่า 140 ประเทศ
ในปี 2567 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์กว่า 2.45 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 210,000 คันทั่วโลก โดยมีผลกำไรก่อนหักภาษีในปีการเงิน 2567 อยู่ที่ 11.0 พันล้านยูโร จากรายได้รวมทั้งสิ้น 142.4 พันล้านยูโร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานรวมทั้งสิ้น 159,104 คน
ความสำเร็จทางเศรษฐกิจของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการคิดระยะยาวและการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบ ความยั่งยืนเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์องค์กรของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป และครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ห่วงโซ่อุปทาน การผลิต ไปจนถึงสิ้นสุดอายุการใช้งาน
www.bmwgroup.com
LinkedIn: http://www.linkedin.com/company/bmw-group/
YouTube: https://www.youtube.com/bmwgroup
Instagram: https://www.instagram.com/bmwgroup
Facebook: https://www.facebook.com/bmwgroup
X: https://www.x.com/bmwgroup
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วย สี่บริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตชิ้นส่วนสำหรับการประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สำหรับโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ณ จังหวัดระยอง
ในปี 2567 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยสถิติยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจำนวน 13,659 คัน โดยแบ่งเป็นยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรวม 12,208 คัน และยอดจดทะเบียนรถยนต์มินิ 1,451 คัน ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ยังคงรักษาผลงานที่แข็งแกร่งไว้ได้ ด้วยยอดจดทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดรวม 1,011 คัน
ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยูมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นต่าง ๆ ทั้งหมด 19 รุ่น ได้แก่
บีเอ็ม ดับเบิลยู ซีรีส์ 2 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็มดับเบิลยู X5 บีเอ็มดับเบิลยู X6 และบีเอ็มดับเบิลยูู X7 สำหรับมินิ ได้แก่ มินิ คันทรีแมน สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู F 900 R บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR บีเอ็มดับเบิลยู R 18 บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Bagger นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 4 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู 750e xDrive M Sport และ บีเอ็มดับเบิลยู M760e xDrive
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1397
www.bmw.co.th
www.mini.co.th
www.bmw-motorrad.co.th
0 Comments