Asia COPD & SEA Summit 2025
เผยนวัตกรรม “Triple Therapy” และ
“Biologics” จุดประกายความหวัง พร้อมร่วมเปลี่ยนอนาคต
“โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและโรคหืด”
ภัยเงียบที่คร่าชีวิต…สู่โรคที่ควบคุมได้
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease: COPD) เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของโลก มีผู้ป่วยราว 392 ล้านคนทั่วโลก และคร่าชีวิตราว 3.5 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2564 ในประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังถึงปีละ 20,000 คน หรือเฉลี่ยวันละ 50 คน ในขณะที่ โรคหืด (Asthma) พบว่ามีผู้ป่วยราว 262 ล้านคนทั่วโลก และเสียชีวิตกว่า 455,000 ราย โดยในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากโรคหืดเฉลี่ย 8–9 รายต่อวัน หรือกว่า 3,000 รายต่อปี จากสถิติจะเห็นชัดว่าทั้งสองโรคเป็น “ภัยเงียบเรื้อรัง” ที่กำลังคุกคามผู้คนนับล้าน และคาดการณ์ว่ามีผู้ป่วยอีกเกินครึ่งที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัย
ศ.นพ.กิตติพงศ์ มณีโชติสุวรรณ ศาสตราจารย์ประจำสาขาอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “แม้โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังจะเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับสามของโลก แต่ยังไม่ได้รับความตระหนักรู้เท่าที่ควร ทั้งที่ผู้ป่วยต้องทนทุกข์จากภาวะหายใจติดขัดรุนแรงเสมือนถูกกดใต้น้ำ โดยในไทยพบว่าราว 7% ของประชากรกำลังเผชิญโรคนี้ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปัญหาฝุ่น PM2.5 และการสูบบุหรี่ สถานการณ์ที่น่ากังวลดังกล่าวสะท้อนความสำคัญของเวที Asia COPD & SEA Summit 2025 ซึ่งเผยความก้าวหน้าของนวัตกรรม “Triple Therapy” หรือยาสูด (Inhaler) ที่ผสานตัวยาสามชนิด ได้แก่ ยาขยายหลอดลม 2 ชนิด และยาลดการอักเสบ 1 ชนิด ไว้ในหลอดเดียว มาพร้อมกับนวัตกรรม Aerosphere ในรูปแบบละอองยาที่ออกแบบให้กระจายตัวยาอย่างสมดุลลึกถึงปอดและหลอดลมเล็ก และสามารถเข้าถึงตำแหน่งของโรคได้อย่างตรงจุด จึงสามารถช่วยควบคุมอาการ ลดการกำเริบ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการประชุมครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แต่ยังเป็นการจุดประกายความหวังในการเปลี่ยนอนาคตของผู้ป่วยในไทยและในระดับภูมิภาคให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่”
และจากประสบการณ์ของประเทศเวียดนามที่ได้บูรณาการ Triple Therapy เข้าสู่ระบบสาธารณสุขมาเกือบ 1 ปี สะท้อนผลลัพธ์ที่ชัดเจนว่าผู้ป่วยควบคุมอาการกำเริบได้ดีขึ้น รับยาได้ต่อเนื่อง และกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติ ผลลัพธ์ความสำเร็จนี้จึงพิสูจน์แล้วว่า Triple Therapy ไม่ใช่เพียง ‘ทางเลือก’ แต่คือ ‘ทางรอด’ และเป็นคำถามที่ทุกประเทศ รวมถึงประเทศไทย ต้องร่วมกันทบทวนว่าในวันนี้เราได้มอบการรักษาที่ดีพอและทั่วถึงให้แก่ผู้ป่วยแล้วหรือยัง
รศ. นพ. ศิวศักดิ์ จุทอง อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจและภาวะวิกฤตทางเดินหายใจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า “โรคหืดเป็นภาวะหลอดลมตีบแคบจากการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและควบคุมอาการของโรคได้ไม่ดี อาจก่อให้เกิดเป็น ‘โรคหืดรุนแรง’ (Severe Asthma) จากการศึกษาพบว่า ประมาณ 7 คน ต่อประชากร 100 คน มีอาการโรคหืดรุนแรง และได้คร่าชีวิตผู้ป่วยราว 2,000 รายต่อปี ในปัจจุบันการรักษาโรคหืดรุนแรงได้มีการพัฒนาไปอย่างมาก ซึ่งหนึ่งในก้าวสำคัญคือ ยาชีววัตถุ หรือ Biologics ที่ออกฤทธิ์ตรงต่อกลไกของโรค ช่วยลดอาการเหนื่อยหอบได้อย่างแม่นยำ จากประสบการณ์จริงของผู้ป่วยรายหนึ่งสะท้อนพลังของนวัตกรรมการรักษาอย่างชัดเจน เขาเล่าว่าเคยต้องทนกับอาการหอบหนักแม้เพียงเดินไม่กี่ก้าว แต่หลังได้รับการรักษาก็กลับมาหายใจโล่งขึ้น และจนสามารถคว้าเหรียญทองแบดมินตันได้สำเร็จ”
“คงจะเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมาก หากนวัตกรรมเหล่านี้ ทั้ง Triple Therapy และยาชีววัตถุ(Biologics) จะสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึงภายใต้สิทธิการรักษาต่าง ๆ เพราะนั่นไม่ได้เพียงแต่ช่วยรักษาอาการ แต่ยังคือการคืนลมหายใจ ความฝัน และคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยอีกนับไม่ถ้วน เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างเต็มศักยภาพ และก้าวเดินต่อไปด้วยความหวัง” รศ. นพ. ศิวศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
การประชุม Asia COPD & SEA Summit 2025 สะท้อนพันธกิจอันแน่วแน่ของ ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ ในฐานะผู้นำการขับเคลื่อนการดูแลโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและโรคหืดรุนแรงในภูมิภาคเอเชีย ภัยเงียบที่กระทบผู้คนนับล้านทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ผ่านการผสานองค์ความรู้ แนวทางการรักษา และนวัตกรรมระดับนานาชาติ เพื่อยกระดับศักยภาพการวินิจฉัยและการรักษา ที่ไม่เพียงเสริมความเข้มแข็งให้ระบบสาธารณสุข แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนมุมมอง จากโรคที่ทำให้ตายได้ สู่โรคที่ไม่จำเป็นต้องตาย หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที พร้อมคืนคุณภาพชีวิตและความหวังให้ผู้ป่วย และขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคตที่ทุกคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีกว่าเดิม
###
เกี่ยวกับ แอสตร้าเซนเนก้า
แอสตร้าเซนเนก้า (ชื่อย่อหลักทรัพย์ AZN ในตลาดหลักทรัพย์ LSE/ STO/ Nasdaq) เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก มุ่งเน้นทางด้านการคิดค้น พัฒนา และจำหน่ายยาเพื่อการรักษาโรค โดยเฉพาะในกลุ่มยาโรคมะเร็ง กลุ่มยาโรคหัวใจ ไต และระบบเผาผลาญ และกลุ่มยาโรคทางเดินหายใจ แอสตร้าเซนเนก้า มีฐานอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร และดำเนินธุรกิจในกว่า 100 ประเทศ และมีผู้ป่วยหลายล้านคนทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมยาต่าง ๆ จากแอสตร้าเซนเนก้า สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปยังเว็บไซต์ astrazeneca.com หรือ ติดตามเราที่ facebook.com/AstraZeneca.TH
0 Comments