Ad Code

Recent Posts

ครั้งแรกในเมืองไทย LIRNEasia จัดงาน “Data Governance in Thailand” ชวนภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ แลกเปลี่ยนมุมมอง ด้านการกำหนดนโยบายข้อมูล และ การออกแบบระบบธรรมาภิบาลข้อมูลในประเทศไทย


ครั้งแรกในเมืองไทย LIRNEasia จัดงาน
“Data Governance in Thailand”
ชวนภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ แลกเปลี่ยนมุมมอง
ด้านการกำหนดนโยบายข้อมูล และ
การออกแบบระบบธรรมาภิบาลข้อมูลในประเทศไทย

เปิดฉากงานเสวนาในรูปแบบเวทีอภิปรายครั้งใหญ่ที่น่าจับตามองโดย LIRNEasia (ประเทศศรีลังกา) สถาบันวิจัยนโยบายระดับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค ร่วมกับภาควิชาการศึกษาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยฮันกุกแห่งประเทศเกาหลี (สาธารณรัฐเกาหลี) Privacy Thailand และ สถาบันนโยบายศึกษา ประเทศไทย (IPPS) โดยได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจาก IDRC-CRID (ประเทศแคนาดา) กับงาน “Data Governance in Thailand” หัวข้อ: ธรรมาภิบาลข้อมูลในประเทศไทย ที่รวมตัวผู้เชี่ยวชาญ 3 ภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคเอกชน และองค์กรภาคประชาสัมคม เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ มุมมอง และประสบการณ์ในการกำหนดนโยบายด้านข้อมูล และการออกแบบระบบธรรมาภิบาลข้อมูลในประเทศไทย ณ โรงแรมพูลแมน คิงพาวเวอร์ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้

งานฟอรัม “Data Governance in Thailand” จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการสำรวจความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในธรรมาภิบาลข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบผลประโยชน์และเป้าหมายของนโยบาย ได้แก่ การรวบรวม จัดเก็บ การใช้ และการแบ่งปันข้อมูลเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและการเติบโต ทั้งยังเน้นการปกป้องความเป็นส่วนตัวและสิทธิมนุษยชนในด้านอื่นๆ ที่อาจถูกละเมิดผ่านการรวบรวม จัดเก็บ การใช้ และการแบ่งปันข้อมูลเช่นเดียวกัน ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

LIRNEasia และนักวิจัยในเครือข่ายได้ร่วมสำรวจความตึงเครียดดังกล่าว รวมถึงแนวทางปฏิบัติเพื่อการแก้ไขความตึงเครียดเหล่านี้ใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินเดีย อินโดนีเซีย ศรีลังกา เนปาล ปากีสถาน และฟิลิปปินส์ โดยในเวทีการเสวนานี้ยังเป็นการพิจารณาถึงรูปแบบธรรมาภิบาลข้อมูลของยุโรปและทั่วโลกที่มีอิทธิพลต่อแนวทางต่างๆ ในเอเชีย ซึ่งคำว่า “ธรรมาภิบาลข้อมูล” ได้ถูกนิยามอย่างกว้างๆ ว่าเป็นการรวมกฎหมาย นโยบาย กฎระเบียบ บรรทัดฐาน มาตรฐาน และการออกแบบระบบ มารวมเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลต่อวิธีการเพิ่มหรือลดการเข้าถึงข้อมูล


คุณ Helani Galpaya, CEO of LIRNEasia
กล่าวเปิดเวทีสนทนาและมุ่งเน้นให้เห็นถึงเหตุผลที่จำเป็นและการสร้างสมดุลให้กับกฏหมายชุดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล และแสดงให้เห็นว่ากฎหมายที่ดูแลกำกับข้อมูลได้รับการพัฒนาขึ้นตามระยะเวลา โดยมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน และสอดคล้องกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ทั้งยังกล่าวว่าไม่มีวิธีใดที่สมบูรณ์แบบในการแก้ไขความขัดแย้งในการกำกับดูแลข้อมูล เช่น สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลและสิทธิความเป็นส่วนตัว ซึ่งตราบใดที่เรายังคงดำเนินการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ยังคงมุ่งเน้นสู่ระบบการกำกับดูแลข้อมูลที่ดีขึ้น


ในส่วนของการอภิปราย “Data Governance in Thailand” หัวข้อ: ธรรมาภิบาลข้อมูลในประเทศไทย แบ่งเป็น 2 ช่วง โดยในช่วงแรก ได้รับเกียรติจาก คุณ Pranesh Prakash นักวิจัยนโยบายอาวุโส LIRNEasia และหัวหน้าโครงการร่วม นำเสนอภาพรวมงานวิจัยระดับภูมิภาคว่าด้วยธรรมาภิบาลข้อมูลในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีและข้อมูลจำนวนมหาศาล ต้องมีความโปร่งใส มีความคุ้มครองสิทธิต่างๆ และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในหลายด้าน และยังเป็นผู้ดำเนินรายการหัวข้อเสวนา “ธรรมาภิบาลข้อมูล – ความท้าทาย ช่องว่าง และโอกาส ในบริบทระดับภูมิภาค” ร่วมด้วยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ Dr. Ibrahim Kholilul Rohman นักวิจัยอาวุโสกลุ่มการเงินอินโดนีเซีย โปรเกรส (IFG Progress) กล่าวถึง ด้านธรรมาภิบาลข้อมูลในอินโดนีเซีย มีความท้าทายในการจัดการข้อมูลเพื่อให้สอดคล้องกันทั้งของกรม กระทรวง และหน่วยงานต่างๆ โดยมีการแบ่งปันข้อมูลในท้องถิ่นผ่านระบบ Indonesian One Data

คุณ Oliver Xavier Reyes สมาชิกสภาทนายความฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี 2002 และเคยดำรงตำแหน่งในคณะบรรณาธิการของวารสารกฎหมายฟิลิปปินส์ กล่าวถึง การมีพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลซึ่งถูกนำมาเป็นข้ออ้างในการแชร์ข้อมูล แต่ในฟิลิปปินส์มีข้อยกเว้นเรื่องของลิขสิทธิ์ในกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่สามารถนำมาใช้ได้ในบางกรณี เช่น ด้านสารคดี งานวิชาการ งานวิจัย งานวิจารณ์ ซึ่งเรียกว่า Fair Use Acception ที่อนุญาตให้นำข้อมูลในส่วนนั้นถูกนำ มาใช้ได้ในพื้นที่สาธารณะ

และคุณ Ashwini Natesan นักวิจัยของ LIRNEasia จากศรีลังกา กล่าวถึง ตัวอย่างการกำกับดูแลข้อมูลตาม ภาคส่วนอาจเบี่ยงเบนไปจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลในวงกว้าง ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการถ่ายโอนข้อมูลทางการเงินระหว่างประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายของศรีลังกา ด้วยการเปิดเผยข้อมูลเพื่อสร้างความโปร่งใส รวมถึงการรับมือกับความท้าทายของข้อมูลสังเคราะห์ที่อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด และกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและลิขสิทธิ์


หลังจากนั้น รองศาสตราจารย์ ดร. จอมพล พิทักษ์สันตโยธิน นักวิชาการชั้นนำในสาขาการบริหารจัดการดิจิทัลและไซเบอร์สเปซ นำเสนอผลการวิจัยเกี่ยวกับธรรมาภิบาลข้อมูลในประเทศไทย โดยกฎหมายถือเป็นกลไกเบื้องหลังของธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐของไทย อาทิ พระราชบัญญัติบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล, พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารราชการของรัฐ ซึ่งประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของภาครัฐ
ที่ถูกจัดเก็บไว้ และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และถือได้ว่าธรรมาภิบาลข้อมูลเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนและเครื่องมือในการพัฒนารัฐดิจิทัล ก่อนจะเข้าสู่เวทีอภิปรายช่วงที่ 2 เรื่อง “ธรรมาภิบาลข้อมูล – ความท้าทาย ช่องว่าง และโอกาสในประเทศไทย” โดยมี ดร. สลิลธร ทองมีนสุข นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินรายการทั้งในด้านมุมมองเชิงลึกและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากภาครัฐและเอกชน โดยมีผู้ร่วมอภิปราย ได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร. จอมพล พิทักษ์สันตโยธิน กล่าวถึง กระบวนการทั้งการเปิดเผยและปกป้องข้อมูลในด้านต่างๆ นั้น จำเป็นที่จะต้องมีการประสานและเชื่อมโยงในส่วนของธรรมาภิบาลข้อมูลเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลร่วมกันทุกภาคส่วน


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล
อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึง บทบาทในส่วนของการเปิดเผยข้อมูลมีส่วนในการสร้างสังคมประชาธิปไตย 2 ด้านคือ การสร้างกลไกการมีส่วนร่วมทางการเมืองในการการตรวจสอบภาครัฐโดยประชาชน และการเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างมีหลักการและมีเหตุผลมากขึ้น นอกจากนี้ในการเปิดเผยข้อมูลควรนำเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มาวิเคราะห์ถึงระดับความสามารถในการนำข้อมูลมาใช้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น


พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ
รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) มีส่วนช่วยในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารราชการที่เปิดเผยโดยภาครัฐ ทั้งการเก็บ รวบรวม การใช้ เปิดเผยข้อมูล เพื่อให้เกิดความสมดุลของกฎเกณฑ์ และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอยู่บนความถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงบทบาทสำคัญของการสร้างขีดความสามารถและการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิทธิต่างๆ ที่ได้รับภายใต้ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ดร. มณฑา ชยากรวิกรม ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการและเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA กล่าวถึง การสร้างความสมดุลระหว่างการเปิดเผยข้อมูลและความมั่นคง ควรมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและเหมาะสมในการเปิดเผยข้อมูล รวมถึงกลไกในการจัดประเภทของข้อมูลอย่างมีระบบและโปร่งใส โดยต้องมีกระบวนการที่เหมาะสม ยืดหยุ่น และมีความรับผิดชอบเพื่อรักษาสมดุลของความมั่นคงนั้น

นายเฉลิมพล เลียบทวี ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมและเผยแพร่สิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสาร สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (สขร.) หรือ OIC กล่าวถึง บทบาทของรัฐเชิงรุกในการเปิดเผยข้อมูลกับประชาชนเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับงบประมาณโครงการของรัฐ ซึ่งประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ และสิ่งนี้มีส่วนช่วยในด้านเศรษฐกิจสำหรับประชาชนหรือภาคเอกชนที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเป็นธรรมและสามารถแข่งขันกันในการเสนอราคาโครงการต่างๆ หรือการทำธุรกิจคู่ขนานกับภาครัฐเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ

และ ดร. ศิธร กุลรดาธร รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและยุทธศาสตร์ และหัวหน้างานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจดิจิทัลอาวุโส สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DEPA กล่าวถึง การเชื่อมโยงข้อมูล มีประโยชน์ต่อภาครัฐ เอกชน และสตาร์ทอัพ ร่วมไปกับการช่วยขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีด้าน AI และเศรษฐกิจดิจิทัล โดยการแบ่งปันฐานข้อมูลร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการประยุกต์ใช้ข้อมูลในระดับองค์กรและธุรกิจ


สำหรับงานฟอรัม “Data Governance in Thailand” จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในหน่วยงานภาครัฐและประชาชนทั่วไป เกี่ยวกับความสำคัญและความจำเป็นของธรรมาภิบาลข้อมูลในประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ที่ยังใหม่กับหัวข้อนี้ ให้สามารถเข้าใจเกี่ยวกับภูมิทัศน์ธรรมาภิบาลข้อมูลของประเทศไทยได้มากขึ้นหลังจากเข้าร่วมงานนี้ อีกทั้งต้องการอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความท้าทาย ช่องว่าง และโอกาสในกรอบการกำกับดูแลข้อมูลของประเทศไทย รวมถึงส่งเสริมการอภิปรายที่สร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงธรรมาภิบาลข้อมูลเพื่อสร้างประโยชน์รอบด้านแบบ 360 องศา

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.lirneasia.net หรือติดตามทวิตเตอร์ @lirneasia

#DataGovernanceinThailand #LIRNEasia #IDRC-CRID #PrivacyThailand #IPPS

                                                          #####

เกี่ยวกับ LIRNEasia:

LIRNEasia เป็นสถาบันวิจัยนโยบายระดับภูมิภาคที่มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในเอเชียและแปซิฟิค โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ดำเนินงานครอบคลุมทวีปเอเชียแปซิฟิคมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 มุ่งเน้นสนับสนุนการกระจายอำนาจในการสร้างนวัตกรรม สร้างการมีส่วนร่วมผ่านตลาดที่มีการแข่งขันเสรีเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คน

ด้วยเหตุนี้ LIRNEasia จึงดำเนินการวิจัยเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับนโยบายในหลายภาคส่วน ได้แก่ ดิจิทัล แรงงาน พลังงาน การคุ้มครองทางสังคม ความพิการ การศึกษา ภัยพิบัติ และอื่นๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลที่ครบถ้วนและบันทึกแนวปฏิบัติที่ดีในระดับภูมิภาค โดยปัจจุบันดำเนินการวิจัยใน 15 ประเทศในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออก

พันธกิจของเราคือ การเร่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายและแนวทางแก้ไขปัญหาผ่านการวิจัย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยความรู้ ข้อมูล และเทคโนโลยี

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.lirneasia.net หรือติดตามเราได้ที่ทวิตเตอร์ @lirneasia



Post a Comment

0 Comments

Comments

Ad Code